ผมเป็นคนที่ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็จะวางแผนล่วงหน้า เพราะไม่อยากไปเสียเวลาวนหาที่กินที่เที่ยว คือถ้าจะหลงก็ให้หลงน้อยที่สุด ซึ่งก็คงเหมือนนักเดินทางหลายๆ ท่าน ดังนั้น พอคิดจะไปโตเกียว สิ่งที่หยิบมาวางอันดับแรกเลยก็คือ แผนที่รถไฟในกรุงโตเกียว ที่เค้าว่ากันว่าวุ่นวายที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ลองดูแผนที่กันเลยนะครับ
ผมเห็นแผนที่ ถึงกับมึนตึ้บ ทำไมต้องมีสองอันด้วย subway หรือ Metro ก็มีหลายสี แยกเป็น Asakusa line, Ginza line ฯลฯ ส่วน JR ก็ยังหลายสีอีกมี Yamanote line, Chuo line และอีกสารพัด line แล้วมันเดินทางยังไงล่ะเนี่ย หลายคนคงเป็นแบบผม จะเริ่มต้นยังไงดี
เราจะว่ากันด้วย Subway กับ JR เท่านั้นนะครับ ความจริงยังมี Toei อีกสายหนึ่ง แต่จะไม่เอามาพูดถึง เพราะแค่นี้ก็งงพอแล้ว จากการที่ศึกษาข้อมูลมา Subway จะเป็นรถไฟใต้ดิน และเป็นของเอกชน ส่วน JR นั้นจะเป็นรถบนดิน เป็นของรัฐบาล
ทีนี้ เครื่องบินของผมลงที่สนามบินนาริตะ ผมต้องเลือกแล้วล่ะว่า จะเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีการไหนดี รถไฟ หรือ รถบัส และจะซื้อตั๋วแบบไหน ผมอยู่โตเกียวเป็นเวลา 4 วัน โดยวันแรกเครื่องลงตอนแปดโมงเช้า และวันที่ 4 เครื่องออก 2 ทุ่ม 15 นาที
ถ้าผมเลือกเดินทางด้วย Limousine Bus ซื้อตั๋วไปกลับ พร้อม Subway Pass 3 วัน ราคา 6,000 เยน และต้องไปลงตามจุดที่รถบัสจอด ซึ่งถ้าเลือกพักโรงแรมใกล้เคียงก็ไม่เลวสำหรับทางเลือกนี้
ส่วนตั๋ว JR Wide Pass ราคา 10,000 เยน จะใช้ได้ 3 วัน สามารถนั่งรถไฟสาย Narita Express เข้าเมืองได้ และใช้ขึ้นรถไฟ JR ในโตเกียวได้จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 3 ส่วนวันที่ 4 ถ้าผมจะขึ้นรถไฟไปไหนต้องซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ ไป และหากต้องการเดินทางไปยังสนามบินนาริตะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ผมก็ต้องจ่ายเพิ่มเช่นกัน
และถ้าผมจะขึ้นรถไฟ Keisei Skyliner เข้าเมือง ผมสามารถซื้อตั๋วไปกลับ+ Metro Pass 72 ชั่วโมง ราคา 5,400 เยน ผมจะสามารถขึ้นรถไฟใต้ดิน (ทุกสายของ Toei Subway และ Tokyo Metro) ได้จนถึงช่วงสายๆ หรือบ่ายๆ ของวันที่ 4 ได้เลย แล้วแต่ว่าจะวางแผนใช้ Pass ใบนี้ครั้งแรกตอนไหน มันจะนับเวลาไปจนครบ 72 ชั่วโมง และผมยังมีตั๋ว Skyliner สำหรับเดินทางไปยังสนามบินนาริตะอีกด้วย ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจ เพราะในรีวิวส่วนใหญ่จะบอก 3 วัน จึงต้องไปสอบถามที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วถึงได้ความชัดเจนว่า 72 ชั่วโมง ชัวร์ ซึ่งก็ไม่แปลกที่รีวิวเก่าๆ ทำไมถึงบอก 1 วัน 2 วัน และ 3 วัน เพราะตั๋วแบบ 24, 48 และ 72 ชั่วโมง เพิ่งจะเริ่มใช้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2016 นี่เอง หน้าตาตั๋วเป็นแบบนี้ครับ
ข้อแตกต่างระหว่างบัตรโดยสารรถไฟของทั้งสองเจ้าคือ JR ราคาแพงกว่า ต้องเสียค่ารถเดินทางกลับสนามบินนาริตะ และค่ารถไฟวันที่ 4 แต่สามารถนั่งรถไฟไปดูภูเขาไฟฟูจิที่ Kawaguchiko ได้ (ซึ่งอยู่ในโปรแกรมของผม) และยังสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง หรือ Shinkansen ได้ด้วย (อันนี้ไม่อยู่ในโปรแกรมของผม) ส่วน Metro pass นั้นราคาถูกกว่า ไม่ต้องเสียค่าเดินทางกลับไปยังสนามบินนาริตะ และในวันที่ 4 จะเสียค่ารถไฟในการเดินทางน้อยกว่า แต่ผมต้องเสียค่ารถเพื่อเดินทางไปยัง Kawaguchiko
ผมตัดสินใจเลือกใช้บริการ Keisei Skyliner+Metro Pass 72 hours ด้วยเหตุผลอะไร ติดตามกันตอนต่อไปครับ
ผมเห็นแผนที่ ถึงกับมึนตึ้บ ทำไมต้องมีสองอันด้วย subway หรือ Metro ก็มีหลายสี แยกเป็น Asakusa line, Ginza line ฯลฯ ส่วน JR ก็ยังหลายสีอีกมี Yamanote line, Chuo line และอีกสารพัด line แล้วมันเดินทางยังไงล่ะเนี่ย หลายคนคงเป็นแบบผม จะเริ่มต้นยังไงดี
เราจะว่ากันด้วย Subway กับ JR เท่านั้นนะครับ ความจริงยังมี Toei อีกสายหนึ่ง แต่จะไม่เอามาพูดถึง เพราะแค่นี้ก็งงพอแล้ว จากการที่ศึกษาข้อมูลมา Subway จะเป็นรถไฟใต้ดิน และเป็นของเอกชน ส่วน JR นั้นจะเป็นรถบนดิน เป็นของรัฐบาล
ทีนี้ เครื่องบินของผมลงที่สนามบินนาริตะ ผมต้องเลือกแล้วล่ะว่า จะเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีการไหนดี รถไฟ หรือ รถบัส และจะซื้อตั๋วแบบไหน ผมอยู่โตเกียวเป็นเวลา 4 วัน โดยวันแรกเครื่องลงตอนแปดโมงเช้า และวันที่ 4 เครื่องออก 2 ทุ่ม 15 นาที
ถ้าผมเลือกเดินทางด้วย Limousine Bus ซื้อตั๋วไปกลับ พร้อม Subway Pass 3 วัน ราคา 6,000 เยน และต้องไปลงตามจุดที่รถบัสจอด ซึ่งถ้าเลือกพักโรงแรมใกล้เคียงก็ไม่เลวสำหรับทางเลือกนี้
ส่วนตั๋ว JR Wide Pass ราคา 10,000 เยน จะใช้ได้ 3 วัน สามารถนั่งรถไฟสาย Narita Express เข้าเมืองได้ และใช้ขึ้นรถไฟ JR ในโตเกียวได้จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 3 ส่วนวันที่ 4 ถ้าผมจะขึ้นรถไฟไปไหนต้องซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ ไป และหากต้องการเดินทางไปยังสนามบินนาริตะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ผมก็ต้องจ่ายเพิ่มเช่นกัน
และถ้าผมจะขึ้นรถไฟ Keisei Skyliner เข้าเมือง ผมสามารถซื้อตั๋วไปกลับ+ Metro Pass 72 ชั่วโมง ราคา 5,400 เยน ผมจะสามารถขึ้นรถไฟใต้ดิน (ทุกสายของ Toei Subway และ Tokyo Metro) ได้จนถึงช่วงสายๆ หรือบ่ายๆ ของวันที่ 4 ได้เลย แล้วแต่ว่าจะวางแผนใช้ Pass ใบนี้ครั้งแรกตอนไหน มันจะนับเวลาไปจนครบ 72 ชั่วโมง และผมยังมีตั๋ว Skyliner สำหรับเดินทางไปยังสนามบินนาริตะอีกด้วย ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจ เพราะในรีวิวส่วนใหญ่จะบอก 3 วัน จึงต้องไปสอบถามที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วถึงได้ความชัดเจนว่า 72 ชั่วโมง ชัวร์ ซึ่งก็ไม่แปลกที่รีวิวเก่าๆ ทำไมถึงบอก 1 วัน 2 วัน และ 3 วัน เพราะตั๋วแบบ 24, 48 และ 72 ชั่วโมง เพิ่งจะเริ่มใช้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2016 นี่เอง หน้าตาตั๋วเป็นแบบนี้ครับ
ข้อแตกต่างระหว่างบัตรโดยสารรถไฟของทั้งสองเจ้าคือ JR ราคาแพงกว่า ต้องเสียค่ารถเดินทางกลับสนามบินนาริตะ และค่ารถไฟวันที่ 4 แต่สามารถนั่งรถไฟไปดูภูเขาไฟฟูจิที่ Kawaguchiko ได้ (ซึ่งอยู่ในโปรแกรมของผม) และยังสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง หรือ Shinkansen ได้ด้วย (อันนี้ไม่อยู่ในโปรแกรมของผม) ส่วน Metro pass นั้นราคาถูกกว่า ไม่ต้องเสียค่าเดินทางกลับไปยังสนามบินนาริตะ และในวันที่ 4 จะเสียค่ารถไฟในการเดินทางน้อยกว่า แต่ผมต้องเสียค่ารถเพื่อเดินทางไปยัง Kawaguchiko
ผมตัดสินใจเลือกใช้บริการ Keisei Skyliner+Metro Pass 72 hours ด้วยเหตุผลอะไร ติดตามกันตอนต่อไปครับ
รอตอนต่อไป
ReplyDeleteข้อมูลแน่น แล้วซืัอตั๋วที่ไหนอ่าะ
ReplyDeleteข้อมูลแน่น แล้วซืัอตั๋วที่ไหนอ่าะ
ReplyDeleteเดี๋ยวพาไปซื้อตั๋วตอนเดินทางครับ
Delete